สอนขับรถยนต์แบบออโต้และแบบเกียร์กระปุก

สอนขับรถยนต์แบบออโต้และแบบเกียร์กระปุก

ทุกวันนี้มีรถยนต์หลายประเภทไม่ว่าจะเป็นรถเกียร์ออโต้ เกียร์กระปุก หรือแม้กระทั่งรถไฟฟ้า วันนี้โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ จะมาแนะนำวิธีขับรถ 2 ประเภทง่ายๆให้รู้กัน ซึ่งมีวิธีขับยังไงมาดูกัน

วิธีขับรถแบบออโต้

วิธีขับรถออโต้นั้นง่ายกว่าขับรถแบบเกียร์กระปุกอย่างสิ้นเชิง เพราะวิธีการใส่เกียร์นั้นสะดวกมากกว่ากัน อีกทั้งยังมีความง่ายต่อการขับเพียงเหยียบคันเร่งหรือเบรก ช่วยให้คุณขับรถบนถนนได้ง่ายขึ้นและปลดภัย วันนี้ทางโรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ จะมาดู 7  วิธีขับรถเกียร์ออโต้ ที่ง่ายแต่ก็ไม่ง่ายสำหรับมือใหม่

1.การใช้เกียร์ D1 D2 D3 แตกต่างกันอย่างไร

เมื่อไหร่ที่ท่านขับรถบนท้องถนนและขับไปยังถนนที่มีความลาดชัน ท่านควรคำนึงถึงเกียร์ออโต้ ขับยังไงให้ท่านขับปลอดภัยเรามาดูกันว่าแต่ละเกียร์ออโต้นั้นใช้งานอย่างไร

เกียร์ D1 หรือ เกียร์ L เป็นทางเลือกสำหรับนักขับที่ขึ้นทางลาดชันหรือภูเขาหรือพูดง่ายๆคือความลาดชันสูงนั่นเอง เพราะเกียร์ D1 นั้นจะเป็นตัวช่วยให้เครื่องยนต์นั้นถูกเบรกเอาไว้ ทำให้การไหลของรถช้าลง ช่วยให้เราไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกบ่อยและยังเป็นข้อดีที่ไม่ต้องสิ้นเปลืองผ้าเบรก

เกียร์ D2 ใช้กับถนนที่มีความลาดชันที่ปานกลางไม่สูงมาก นักขับหลายท่านใช้ เกียร์ D2 ในการขับขึ้นห้าง หรือถนนที่มีความสูงและลาดชันปานกลาง

เกียร์ D3 ใช้กับถนนที่มีความชันน้อย เช่น สะพาน

2.เข้าเกียร์แบบไหนถึงจะแซงรถคันข้างหน้าได้?

ในกรณที่ท่านได้ขับรถยนต์ด้วยเกียร์ D4 เป็นระยะเวลาทนาน เมื่อต้องการเร่งความเร็วเพื่อทำการแซงคันหน้านั้นท่านต้องใช้เกียร์ D3 เพื่อจะทำให้รถวิ่งได้เร็วทำให้แซงคันหน้าได้อย่างสบายๆ แต่ที่ต้องคำนึงถึงคือก่อนแซงควรมีความระมัดระวังให้มากกว่าปกติ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ต้องมั่นใจแล้วว่าแซงได้แน่ๆ ถึงจะแซงได้

3.การเร่งความเร็วก่อนเข้าเกียร์ได้หรือไม่

การที่ท่านเร่งเครื่องยนต์ก่อนเข้าเกียร์นั้นจะทำให้สร้างความเสียหายให้กับชุดเพลาขับและชุดเกียร์ รวมไปถึงยางรถยนต์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นการเร่งเครื่องยนต์หรือออกตัวแบบกะทันหันจะทำให้เกิดอันตรายหลายอย่าง หากมีสิ่งกีดขวางอาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตด้วย

4.ขับรถออโต้ยังไงเมื่อติดไฟแดง

เมื่อท่านติดไฟแดงให้ท่านใส่เกียร์ว่าง เกียร์ N เพื่อความปลอดภัยในรถหยุดนิ่งการเข้าเกียร์ N หากมีเนินเล็กน้อยหรือพื่นที่ต่างระดับ จะทำให้รถไหลได้ ดังนั้นเวลาเราจะใช้เกียร์ N ควรกดเบรกเอาไว้ด้วย ซึ่งป้องกันไม่ให้ไหลไปชนรถคนอื่น หากรถเราจอดสนิทแล้วเราไม่จำเป็นต้องกด เบรกไว้ตลอดก็ได้

5.ใช้เกียร์ P เวลาไหน?

เราควรใช้เกียร์ P เราควรใช้เกียร์ P เวลาไหนนั้นส่วนมากจะใช้ในการจอดรถที่นิ่งสนิทหรือจอดรถในที่ลาดชัน เพราะ เกียร์ P เปรียบเสมือน เบรกมือ เพราะถ้าเราใช้เกียร์ P นั้นจะทำให้ไม่สามารถขยับหรือเลื่อนรถไปในตำแหน่งอื่นๆได้ ดังนั้นเราควรใช้เกียร์ P ในที่ลาดชันมากและเหยียบเบรกไปด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ

6.ใช้เกียร์ N เพื่อประหยัดน้ำมันจริงหรอ?

บอกเลยว่าไม่สมควรทำไม่ว่าท่านจะขับรถเร็วและคันหน้าชะลอ และท่านอยากปล่อยให้รถไหลโดยใช้เกียร์ N เพื่อให้รถนั้นไหลไปเรื่อยๆ แต่การกระทำแบบนี้กลับส่งผลเสียมากขึ้น อาจจะทำให้ชิ้นส่วนในระบบเกียร์ออโต้เสียหายได้ทำให้ชุดเกียร์เสื่อมได้ไวขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยน  N>D จะทำให้ชุดเกียร์พัง อีกทั้งไม่ได้ช่วยให้รถประหยัดน้ำมันอีกด้วย

7.ทำไมถึงไม่ควรใช้ D4

ทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่าการใช้ D4 คือการทำให้รถเดินไปข้างหน้า แต่เมื่อไหร่ที่ท่านจะต้องขับขึ้นภูเขา ขึ้นห้าง พื้นที่ลาดชัน หากฝืนใช้เกียร์ D4 เครื่องยนต์จะมีกำลังที่ไม่มากพอในการเร่งเครื่อง งานนี้หวังเร่งเครื่องไม่ขึ้นแน่นอน รถอาจจไหลและทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

วิธีขับรถเกียร์กระปุก

ก่อนอื่นเรามาดูตำแหน่งเกียร์กระปุกกันก่อน

  • เกียร์ 1 อยู่ทางซ้ายด้านบน
  • เกียร์ 2 อยู่ทางซ้ายด้านล่าง
  • เกียร์ 3 อยู่ตรงกลางด้านบน
  • เกียร์ 4 อยู่ตรงกลางด้านล่าง
  • เกียร์ 5 อยู่ทางขวาด้านบน
  • เกียร์ R อยู่ทางขวาด้านล่าง

การทำงานของคลัทซ์มี 3 ระยะ

ระยะที่ 1 ระยะฟรี คือปล่อยคลัทซ์ชนิดเดียวรถจะไม่เคลื่อนไหว

ระยะที่ 2 ระยะทำงาน คือ ปล่อยครัชรถจะเคลื่อนที่ช้าๆ

ระยะที่ 3 ปล่อยครัชแล้ว ความเร็วขึ้นอยู่กับคันเร่ง

ขั้นตอนการขับรถเกียร์กระปุก

1.รัดเข็มขัดทุกครั้งและหมุนหน้าต่างลงเพื่อฟังเสียงเครื่องยนต์ แป้นเหยีบซ้ายสุดคือ คลัทช์ แป้นกลางคือเบรก แป้นขวาคือ คันเร่ง ให้เราทำการเช็คและเคลียสิ่งกีขวางที่อยู่เท้าเราว่าไม่มีอะไรไปขวางเพื่อลดอุบัติเหตุ

2.อย่างที่กล่าวมาข้างต้นคือ คลัทช์มีหน้าที่ปลดกำลังเครื่องยนต์แต่ล้อยังหมุนอยู่ เพื่อให้เราเปลี่ยนเกียร์ โดยทุกครั้งที่ใส่เกียร์ให้เราทำการเหยียบคลัทช์ก่อนเสมอ

3.ปรับตำแหน่งเบาะให้เหมาะสมเพื่อให้คุณสามารถเหยียบแป้นควบคุมได้จนสุดด้วยเม้าของคุณ

4.เหยียบคลัทช์ค้างไว้เป็นเวลาที่ดีที่จะทำหู้ว่า คลัทช์กับเบรกต่างกันและปล่อยคลัทช์ให้รถไหลไปช้าๆ

5.โยกเกียร์ไปยังเกียร์ว่า เกียร์ N และทำการเหยียบคลัทช์ค้างไว้และทำการสตาร์ทรถ

6.ทันที่ที่รถถูกสตาร์ทไปแล้วให้คุณปล่อยคลัทช์หากเกียร์อยู่ในเกียร์ว่าง

7.เหยียบคลัทช์ให้ติดพื้นอีกครั้ง และโยกไปยังเกียร์ 1 และทำการค่อยๆปล่อยคลัทช์ รถก็จะเคลื่อนไหวช้าๆ

8.เมื่อเสียงเครื่องดังถึงรอบให้เราทำการเหยียบคลัทช์อีกครั้งเพื่อใส่เกียร์ต่อๆไป

9.เมื่อถึงความเร็วที่กำลังพอดีให้เราทำการเร่งคันเร่งไม่ต้องเร็วหนักบวกกับเท้าคอยเตรียมแตะเบรกไว้ตลอดเวลา กันอุบัติเหตุหรือสิ่งที่ไม่คาดคิด

 

คำเตือนในการขับรถเกียร์กระปุก

  • หากอยู่ทางลาดชันควรเหยียบเบรกหรือดึงเบรกมือไว้เสมอ
  • หยุดรถให้สนิทก่อนใส่เกียร์ถอยหลังเสมอ
  • เมื่อคุณทำเครื่องดับหลายๆครั้ง พยายมจะสตาร์ทใหม่ ควรให้เวลาสตาร์สัก 5-10 นาที เพื่อเลี้ยงให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป
  • จับตาดูเครื่องวัดความเร็วรอบเสมอ เพราะการเร่งเครื่องมากไปอาจเกินความเสียหายได้

 

5 ข้อดีที่เกียร์ออโต้ไม่มี

  • เกียร์ธรรมดาดูแลรักษาง่ายกว่าเพราะเกียร์ออโต้มีเงื่อนไขการใช้งานที่ค่อนข้างมาก
  • เกียร์ธรรมดาทนทานกว่า
  • ขับสนุกกว่า เพราะหลายคนยังชื่นชอบการใส่เกียร์ เพราะเป็นคนควบคุมเกียร์เองจึงทำห้บางกลุ่มคนชอบในรถเกียร์
  • ประหยัดน้ำมันมากกว่า เพราะไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีอะไรมากมาย
  • ราคาถูกกว่า

มาดูสรุปกันว่าแต่ละประเภทนั้น ดีต่างกันอย่างไร

  • เกียร์ออโต้ ได้ความสบาย ขับในเมืองที่มีรถพลุกพล่าน รถติด จะไม่เมื่อยขาในการเหนียบคลัทช์หรือเบรก ทางไกลยาวๆก็สบาย แต่ไม่เหมาะกับการเอาไว้บรรทุกสิ่งของ
  • เกียร์หระปุก ได้ความสนุก บางคนชอบขับเพราะสามารถลากเกียร์ได้ดั่งใจ บรรทุกของก็ได้ ขับขึ้นเขาเกียร์ต่ำเอนจิ้นเบรกดีกว่าเกียร์ออโต้

ถึงอย่างไรก็ตามท่านใดที่กำลังหาคำตอบว่ารถแบบไหนดีกว่ากันละก็ ทางโรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ บอกได้คำเดียวว่าดีทั้งคู่ เพราะการขับรถไม่ได้อยู่ที่รถแต่อยู่ที่คนขับ ขับอย่างไรให้ปลอดภัย ขับแบบไหนถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย ฉนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นไหนยี่ห้ออะไร ระบบแบบไหน ท่านควรคำนึงถึงความปลอดภัยเสมอ และสุดท้ายนี้ท่านใดที่ต้องการสอบใบขับขี่ให้ท่านเข้าใช้บริการกับเราได้ที่ No1Drive.net โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ ที่เดียวในจังหวัดที่บริการท่านดุจญาติมิตร พนักงานมีประสบการทำงานที่สูงมาก มากกว่า 10 ปี และเราเป็นเจ้าเดียวที่ใหญ่ที่สุดใน จะงหวัด ศรีสะเกษ สมัครกับเราหรือเดินทางมาหาเราได้ทันที

 

โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ

 

 

Related posts